ตุ้งแช่ ตุ้งแช่ ตุ้งแช่!~~ เสียงที่คุ้นเคยเมื่อวันตรุษจีนวนเวียนมาถึง หรือตอนที่เราไปดูการแสดงเชิดสิงโตที่ไหนก็จะได้ยินเสียงนี้กันมาตั้งแต่เด็ก ต้องยอมรับเลยว่าวัฒนธรรมการเชิดสิงโตในวันปีใหม่จีนนั้นเป็นวัฒนธรรมที่แพร่หลายมากในแถบเอเชีย ในเมืองไทยเองก็มีการแสดงเหล่านี้ให้เราเห็นอยู่ทุกปี แม้แต่ค่ายเกมสล็อต PG ก็ยังได้นำคาแร็คเตอร์นี้มาสร้างเป็นเกมสล็อตให้เราสนุกเพลิดเพลินไปกับมันอีกด้วย
แล้วนักเดิมพันสล็อตเครดิตฟรีเคยสงสัยกันมั้ยคะว่า ทำไมวันตรุษจีนแล้วต้องเชิดสิงโต ลักษณะของสิงโตเหล่านี้มาจากไหน ใครเป็นคนริเริ่มการเชิดสิงโต บทความนี้ Lucabetkub ได้รวบรวมเหตุผลและเรื่องเล่าของสิงโตที่คนจีนนำมาเชิดให้ฟังกันแล้วค่ะ
[ez-toc]
คนจีนมีความเชื่อว่าการสิงโตเป็นสัตว์ศักดิ์สิทธิ์ แม้แต่เสียงคำรามก็สามารถปัดเป่าวิญญาณและสิ่งชั่วร้ายได้ อีกทั้งสิงโตยังมีความแข็งแกร่ง เป็นสัญญาลักษณ์แห่งพลังอำนาจ ความกล้าหาญ และความจงรักภักดี เพราะฉะนั้นการเชิดสิงโตจึงถือว่าหากใครได้ชมจะเกิดโชคลาภ ชีวิตเจริญรุ่งเรือง และยังเป็นสิริมงคลให้แก่ชีวิตอีกด้วยค่ะ
มีตำนานกล่าวไว้ว่าสิงโตเป็นสัตว์ที่มีความแข็งแรง เมื่อมีภัยอันตรายเทพเจ้าเง็กเซียนจะส่งสิงโจมาต่อสู้ เมื่อครั้งหนึ่งได้มีตัวเหนียนซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของความชั่วร้ายตามความเชื่อของคนจีน ได้มาทำร้ายผู้คน สัตว์เลี้ยง แหละทำลายพืชผลไร่นาจนเสียหาย จึงส่งสิงโตลงมาต่อสู้จนชนะ และอยู่ปกป้องมนุษย์
แต่เมื่อวันตรุษจีนตันเหนียนได้กลับมาอีกครั้ง แต่ครั้งนั้นไม่มีสิงโตมาช่วยต่อสู้อีก ชาวบ้านจึงคิดหาวิธีขับไล่ตัวเหนียนออกไป จึงตัดสินใจแต่งตัวเลียนแบบสิงโตที่เทพเง็กเซียนเคยส่งลงมาช่วยเหลือ จนสามารถขับไล่ตัวเหนียนออกไปได้ ตั้งแต่นั้นมาจึงเกิดวัฒนธรรมประเพณีเชิดสิงโตในวันตรุษจีนมาจนถึงปัจจุบัน
นอกจากแต่งตัวเป็นสิงโตเพื่อขับไล่สิ่งชั่วร้ายออกไปแล้ว ชาวจีนยังนิยมสร้างรูปลักษณ์สิงโตไว้หน้าบ้าน หรือสถานที่ต่างๆ เพื่อพิทักษ์รักษา ปกป้องจากภัยอันตราย โดยจะสร้างสิงโตไว้หน้าประตูทางเข้าเป็นคู่ สิงโตตัวผู้จะอยู่ทางขวามือและสิงโตตัวเมียจะอยู่ด้านซ้ายโดนยึดทิศทางของคนเดินเข้าเป็นหลัก
การเชิดสิงโตทีได้รับความนิยมจะแบ่งออกเป็น 2 แบบ คือ การเชิดสิงโตแบบโบราณที่แสดงด้วยการกายกรรมต่อตัว และการเชิดสิงโจแบบปืนกระบอกไม้ไผ่ ต่อมาภายหลังได้พัฒนาเพิ่มขึ้นมาอีกหนึ่งประเภท คือ การเชิดสิงโตบนดอกเหมย ซึ่งได้รับความนิยมอย่างมากในแถบประเทศเอเชีย เช่น จีน มาเลเซีย ไต้หวัน ฮ่องกง รวมถึงประเทศไทยเราเองด้วยเช่นกัน
สิงโตที่เราเห็นที่เค้านำมาเชิดกันนั้นเป็นสัตว์ในนวนิยายและจินตนาการของคนจีน โดยคนจีนได้จินตนาการว่าสิงโตกำเนิดมาจากสัตว์ 3 ชนิด ได้แก่ แรด เนื่องจากมีนอตรงหน้าผากตามนิทานพื้นบ้านของจีน ตัวที่สองคือ ม้า เพราะมีลำตัวเป็นม้าที่มีเขาเดียวอยู่บนหัว ถือเป็นสัตว์มงคลที่จะปรากฏตัวเมื่อมีซินแสเกิดหรือมีนักปราชญ์ผู้ทรงธรรมขึ้นครองบัลลังก์ และตัวสุดท้ายคือ สุนัข เราจะเห็นว่าท่าทางการเชิดของสิงโตนั้นจะเลียนแบบมาจากท่าทางของสุนัขล่าเนื้อของทิเบต หรืออาจจะเป็นสุนัขพันธุ์ปักกิ่งและสุนัขพันธุ์จู
แน่นอนว่าการจะมารับหน้าที่เชิดสิงโตนั้นจะเป็นใครก็ได้ไม่ได้ เนื่องจากคนที่จะมารับหน้าที่นี้ต้องผ่านการฝึกฝนมาอย่างชำนาญ ในอดีตคณะสิงโตของประเทศจีนจะตั้งเป็นคณะใหญ่ๆ ได้ ต้องมีสมาชิกประมาณ 70-80 คน และต้องใช้เวลาฝึกฝนในการเชิดสิงโตไม่น้อยกว่า 3 ปีครึ่งถึงจะออกแสดงได้ นอกจากนั้นต้องฝึกมวยจีน กระบอง มีดสั้น ทวน ง้าว และทักษะอื่นๆ
การเชิดสิงโตนั้นใช้ลีลาการร่ายรำเป็นหลัก หรือที่เรานักเดิมพันสล็อตเครดิตฟรีเรียกกันว่า ระบำสิงโต แต่หลังจากสมัยราชวงศ์ชิงจึงค่อนๆ ถูกรวมเข้ากับหลักวิทยายุทธ์ การเชิดสิงโตให้ดูสง่าสงาม มีชีวิตชีวา ต้องมีพื้นฐานการเคลื่อนไหวที่แม่นยำและมั่นคงในทุกย่างก้าว ผู้ที่มารับหน้าที่เชิดสิงโตต้องรู้จังหวะการยกเท้าให้มาอากัปกริยาเหมือนสิงโต ไม่ว่าจะเป็นการกระโดด กลิ้ง และอื่นๆ เพราะฉะนั้นช่วงล่างของร่างกายต้องมีความแข็งแรงมาก เพื่อให้การเชิดสิงโตมีความแข็งแรง น่าเกรงขาม ว่องไว และปราดเปรียว ซึ่งท่วงท่าเหล่านั้นมาจากหลักการฝึกการต่อสู้ของจีน หรือมวยจีนนั่นเองค่ะ